ประวัติ หลวงพ่อแหวง อาภากโร วัดคึกคัก หลวงพ่อแหวง อาภากโร หรือ อาภาคโร เป็น อดีตเจ้าอาวาส วัด คมนียเขต หรือ วัดคึกคัก ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ระหว่าง พ.ศ. 2484 - 2511 รวมระยะเวลา 27 ปี ท่านเป็น ที่ศรัทธาของ ชาวบ้านในเขตจังหวัดพังงา ภูเก็ต และใกล้เคียง นอกจากนี้ สังขารของท่าน ยังไม่เน่าเปื่อยเป็นที่สักการะบูชาเป็นเวลา 41 ปี จริยาวัตรท่านเป็นพระที่อยู่อย่างเรียบง่าย มีความเมตตา ต่อทุก คน นอกจากนี้ท่านยังพูดเป็นไปตามปาก เราเรียกกันวาจาสิทธิ์ กุฏิของท่านจะมีการก่อกองไฟตลอดเวลา เพื่อผิงไฟ เป็นที่ แปลกตาของผู้มาเยี่ยมเยือน หลวงพ่อแหวง อาภากโร วัดคึกคัก(วัดคมนียเขต) อําเภอ ตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ยอดพระคณาจารย์ผู้เรืองวิทยาอาคม และไสยเวทแห่งเมืองตะกั่วป่า ท่านมีบุญญาธิการและกฤตยา คมสูงส่ง หลวงพ่อแหวง อาภากโร เป็นศิษย์ของ ท่านพระครูประสาท ประกฤตพรต ( ซิ่น ธมฺมรกุขิโต ) อดีตเจ้าอาวาสวัดคึกคัก องค์ แรก เรียนวิชาสมุนไพรใบยา วิชามหาประสาน ไสยเวทย์มนตรา จน สําเร็จ ท่านพระครูประสาทประกฤตพรต ( ซิ่น ธมฺมรกุขิโต ) จึง ได้ฝากฝังให้ไปเยน วิชากสิณไฟ ผงพระเจ้าโปรดโลก ผงพระ สีวลี และผงมหาราชศรีวิชัย จาก พระอุปัชฌาย์เทือก มานะจา โร ผู้วิเศษอันลือเลื่องแห่ง วัดบ่อเสน มงคลวัตถุของท่านในปัจจุบันเป็นของดี ล้ําค่าที่หายาก สืบ เนื่องจากประสบการณ์นโด่งดัง ทั่วแถบทะเลอันดามันมาช้า นานหลายทศวรรษ ท่านฉันอาหาร เพียงมื้อเดียว โดยในวัน ธรรมดาท่านจะฉันแค่ผลไม้ ส่วนวันพระ ท่านจะฉันข้าวเพียง ๙ คํา เท่านั้น ท่านบวชเรียนมาตั้งแต่เยาว์วัย จนได้ขึ้นดํารงตําแหน่งเป็น สมภาร (เจ้าอาวาส) วัดคึกคัก ท่านเป็นศิษย์ของ พระครู ประสาทประกฤตพรต ( ซิ่น 5มุมรกุขิโต ) อดีตเจ้าอาวาสวัด คึกคัก องค์แรก่ เรียนวิชาสมุนไพรใบยา วิชามหาประสาน ไสย เวทย์มนตรา จนสําเร็จ ท่านพระ ครูประสาทประกฤตพรต ( ซิ่น ธมมรกขิโต ) จึงได้ ฝากฝังให้ไปเรียน วิชากสิณไฟ ผงพระเจ้าโปรดโลก ผงพระสี วลี และผงมหาราชศรีวิชัย จาก พระอุปัชฌาย์เทือก มานะจาโร ผู้วิเศษอันลือเลื่องแห่ง วัดบ่อเสน ตลอดระยะกว่า ๕0 ปี ที่ดํารงอยู่นสมณเพศ ท่านได้เพียร บําเพ็ญบารมีธรรม ปฏิบัติสมาธิ วิปัสสนากรรมฐานอย่าง เคร่งครัด อีกทั้งใฝ่ศึกษาวิชาไสยเวท ร่ําเรียนวิทยาคมทุกแขนง จากครูบาอาจารย์ต่างๆ อย่างแตกฉาน ท่านปฏิบัติเป็นพระป๋า เมื่ออกพรรษาทุกปี ท่านจะออกธุดงค์วัตรเพื่อแสวงหาโมกธรรม และกลับวัดเมื่อถึงวัดเข้าพรรษา ช่วงชีวิตของท่านส่วนใหญ่จะอยู่แต่ในป่าลึก ต้องเผชิญกับ ความทุกข์ยากลําบาก และภยันตรายจากสัตว์ป่าดุร้ายนานา ชนิด แต่ท่านก็มิได้เกรงกลัวหรือย่อท้อแต่ประการใด จึงเป็นที่ เคารพเลื่อมศรัทธาของสาธุชนทั่วไป ท่านได้ถึงกาลมรณภาพ เมื่อพุทธศักราช ๒๕๑๑ NoBrand
